Loading...

สกินแคร์เนื้อเจล : สินค้าที่ถูกใจคนผิวมัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าเทรนด์สกินแคร์ในหมวด “เนื้อเจล” (Gel-based skincare) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มี ผิวมัน และ ผิวแพ้ง่าย จนหลายแบรนด์หันมาพัฒนาเจลสูตรเฉพาะสำหรับผิวประเภทนี้ ทั้งเจลบำรุง เจลลดสิว เจลเติมน้ำ เจลกันแดด หรือแม้แต่เดย์ครีมแบบเจล

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่า ทำไมสกินแคร์เนื้อเจลจึงตอบโจทย์ผู้มีผิวมัน? เจลดีกว่าครีมแบบเดิมอย่างไร? และถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ หรือเจ้าของแบรนด์ที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดนี้ บทความนี้จะให้ทั้งข้อมูลและแรงบันดาลใจสำหรับการต่อยอดธุรกิจอย่างแท้จริง


🧴 สกินแคร์เนื้อเจลคืออะไร?

ผลิตภัณฑ์ประเภทเจล (Gel-based) คือผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเนื้อสัมผัสบางเบา ใส หรือกึ่งโปร่งแสง เมื่อสัมผัสบนผิวแล้วให้ความรู้สึกเย็น ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ส่วนผสมที่เป็นน้ำเป็นหลัก (water-based) โดยมีสารให้เนื้อเจล เช่น Carbomer, Xanthan Gum, หรือ Hyaluronic Acid เข้ามาควบคุมความหนืดและให้เนื้อสัมผัสที่เป็นเจล


🧴 ทำไมผู้ที่มีผิวมันจึงเหมาะกับสกินแคร์เนื้อเจล?

1. ซึมไว ไม่อุดตันรูขุมขน

คนผิวมันมักมีปัญหาสิวอุดตันง่าย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เนื้อหนัก หรือมีน้ำมันสูง อาจไปเพิ่มการอุดตัน ในขณะที่เจลมีโครงสร้างบางเบา ไม่ทิ้งคราบ ช่วยให้ผิวหายใจได้เต็มที่

2. ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมัน

สาเหตุหลักของผิวมัน คือการขาดน้ำใต้ชั้นผิว ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มเพื่อลดความแห้ง การใช้เจลเติมน้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างพอดี โดยไม่เพิ่มภาระความมันส่วนเกิน

3. เหมาะกับอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย

เนื้อเจลมีความบางเบา เย็นสบายผิว ทำให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ที่อาจทำให้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีมเหนอะหนะเกินไปและละลายได้ง่าย

4. ลดการแพ้และการระคายเคือง

เจลมักปราศจากน้ำมัน น้ำหอม หรือสารกันเสียที่ก่อให้เกิดการแพ้ จึงตอบโจทย์คนผิวแพ้ง่ายที่มีแนวโน้มจะเกิดผื่นแดงหรืออาการคันจากสารเคมีบางชนิดในครีม


🧴 เจลกับครีม: เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในมุมผิวมัน

หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อต้องเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคือ “ควรใช้เจลหรือครีม?” โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีผิวมัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เนื้อสัมผัสเหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยลดปัญหาอุดตัน ลดสิว และทำให้การบำรุงได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หัวข้อนี้จะพาคุณเปรียบเทียบระหว่างเจลและครีมอย่างชัดเจนในแง่มุมของคนผิวมัน

ลักษณะเนื้อเจล (Gel)เนื้อครีม (Cream)
ความบางเบา✔✔✔ ซึมไว เย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นดี แต่หนักผิวสำหรับคนผิวมัน
ความชุ่มชื้น✔✔ เติมน้ำให้ผิวแบบเบา ๆ✔✔✔ เติมน้ำ+น้ำมัน เหมาะกับผิวแห้ง
การอุดตันผิว ต่ำมาก มีโอกาสอุดตันในผิวมันสูง
เหมาะกับฤดู✔✔✔ ร้อน/ชื้น✔✔ หนาว/แห้ง
ความเสี่ยงแพ้✔✔✔ ต่ำ ถ้าใช้สูตรอ่อนโยน ขึ้นกับสารกันเสีย น้ำหอม

สรุป: คนผิวมันควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่เติมน้ำ ไม่เติมน้ำมัน ซึ่งเนื้อเจลสามารถทำได้โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อสิวอุดตัน


🧴 ประเภทของเจลที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผิวมัน

1. เจลเติมน้ำ (Hydrating Gel)

  • เน้นเติมน้ำให้ผิว ช่วยให้ผิวไม่ผลิตน้ำมันเพิ่ม
  • มักมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Glycerin, Panthenol

2. เจลลดสิว (Anti-Acne Gel)

  • ช่วยลดการอักเสบของสิว ลดรอยแดงและการสะสมของแบคทีเรีย
  • ส่วนผสมยอดนิยม: Salicylic Acid, Tea Tree Oil, Centella Asiatica

3. เจลกันแดด (Gel Sunscreen)

  • ซึมไว ไม่เหนียว ไม่วอก ไม่อุดตัน
  • SPF 30+ พร้อม PA+++ ในเนื้อเจลที่ไม่เพิ่มความมัน

4. เดย์ครีมแบบเจล (Gel Day Cream)

  • ให้ความชุ่มชื้น + บำรุงผิวในตอนเช้า
  • ผสมสารบำรุงเช่น Niacinamide, Vitamin C, Allantoin

5. เจลหลังออกแดด (Soothing Gel)

  • ปลอบประโลมผิวไหม้แดดและผิวแสบแดง
  • ว่านหางจระเข้, แตงกวา, คาโมมายล์ มักเป็นสารสกัดหลัก

🧴 Insight ผู้บริโภคกลุ่มผิวมัน: โอกาสสร้างแบรนด์เจล

  • ผู้หญิงไทยกว่า 60% มีผิวมันหรือผิวผสม → ตลาดใหญ่มาก และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงกลุ่มผู้ชายที่เริ่มใส่ใจการดูแลผิว
  • ผู้บริโภคผิวมันมักเลือกผลิตภัณฑ์จาก สัมผัส และ ผลลัพธ์ทันที เช่น รู้สึกซึมไว ไม่เหนอะหลังใช้ และไม่ก่อให้เกิดสิวใหม่
  • รีวิวจากผู้ใช้จริงและการทดลองเทสเตอร์ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสูง โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee, TikTok, และรีวิวบล็อกเกอร์
  • ผู้บริโภคกลุ่มนี้มักมีพฤติกรรมศึกษาส่วนผสม (Ingredient-conscious) เช่น หลีกเลี่ยงน้ำมัน น้ำหอม พาราเบน หรือซิลิโคน
  • มีความคาดหวังต่อผลิตภัณฑ์สูงขึ้น ต้องการเห็นผลลัพธ์จริงภายใน 7–14 วัน และมักยินดีจ่ายมากขึ้นหากสินค้าน่าเชื่อถือ

โอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่:

  • พัฒนาเจลที่เน้นสูตร Clean Beauty, Non-Comedogenic หรือสูตรเฉพาะกลุ่ม (เช่น ผิวมันเป็นสิว ผิวมันแพ้ง่าย)
  • สื่อสารผ่านจุดเด่นเชิงประสบการณ์ เช่น “เย็น ซึมไว ไม่เหนอะ ไม่วอก” หรือ “เจลเบาแต่บำรุงลึก”
  • ใช้แพลตฟอร์มอย่าง TikTok หรือ Instagram Story ในการให้ผู้ใช้จริงรีวิว พร้อม before-after ภายใน 7 วัน
  • ทำแคมเปญลองใช้ 7 วัน เปลี่ยนผิวมันให้ดีขึ้น สร้างการรับรู้ในตลาดได้ดี
  • พัฒนาระบบ Subscription Box หรือ Mini Set ให้ลูกค้าทดลองก่อนซื้อขนาดจริง เพื่อเพิ่ม Conversion
  • สินค้าที่เจาะตลาดเจลอย่างชัดเจนมักมีความได้เปรียบเหนือสินค้าที่ “ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่เฉพาะเจาะจง”

🧴 ตัวอย่างสูตรเจลสำหรับคนผิวมันที่น่าพัฒนา

เมื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคผิวมันและความต้องการในผลิตภัณฑ์สกินแคร์แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เจ้าของแบรนด์ควรคำนึงถึงคือการเลือกสูตรที่เหมาะสมกับตลาดเป้าหมาย โดยสูตรที่ดีควรตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการควบคุมความมัน บำรุงผิว ฟื้นฟู และที่สำคัญคือไม่อุดตันผิว ซึ่งสูตรเจลต่อไปนี้เป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงในตลาด

  1. เจลบำรุงผิวใสแบบ Non-Comedogenic เจลที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายและไม่ต้องการส่วนผสมที่อุดตันผิว เหมาะกับการใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงประจำวัน
    • Niacinamide 5% + Zinc PCA + Green Tea Extract
  2. เจลลดรอยสิวพร้อมให้ความชุ่มชื้น สูตรที่เน้นการลดการอักเสบของสิวและฟื้นฟูผิวในขณะเดียวกัน เหมาะสำหรับกลุ่มผู้มีปัญหาสิวเรื้อรังและรอยแดง
    • Centella + Salicylic Acid + Allantoin
  3. เจลเดย์ครีมควบคุมความมัน เหมาะสำหรับผู้ใช้ในช่วงกลางวัน มีเนื้อเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมสารช่วยควบคุมความมันระหว่างวันและบำรุงผิว
    • Vitamin B5 + Witch Hazel + Aloe Vera
  4. เจลเติมน้ำกลางคืนสูตรบางเบา สำหรับผู้ที่ต้องการเติมน้ำให้ผิวในช่วงเวลากลางคืนโดยไม่รู้สึกหนักผิว เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันที่มักขาดน้ำ
    • Hyaluronic Acid + Cucumber Extract + Squalane (from plants)

🧴 จะเริ่มสร้างแบรนด์เจลอย่างไรดี?

หากคุณกำลังมองหาโอกาสในตลาดสกินแคร์โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้น “เนื้อเจล” การเริ่มต้นสร้างแบรนด์เจลแบบมืออาชีพจำเป็นต้องเข้าใจทั้งกลุ่มเป้าหมาย แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค และการวางแผนการตลาดที่แตกต่าง หัวข้อนี้จะแนะนำขั้นตอนแบบ Step-by-Step สำหรับการสร้างแบรนด์เจลให้ชัดเจนและเป็นระบบ

ขั้นตอนสำหรับผู้เริ่มต้น:

  1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: ระบุให้ชัดว่าแบรนด์ของคุณต้องการเจาะกลุ่มใด เช่น วัยรุ่นที่มีสิว ผิวมันแพ้ง่าย หรือวัยทำงานที่ต้องการความเรียบง่ายและซึมไว เพื่อให้ทุกการตัดสินใจต่อจากนี้ (สูตร สี แพ็กเกจ) ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเช่น ผิวมันวัยรุ่น, ผิวมันวัยทำงาน, ผิวมันแพ้ง่าย
  2. เลือกประเภทเจลที่ต้องการพัฒนา: เลือกจากปัญหาที่ลูกค้าของคุณเผชิญ เช่น เจลลดสิว เจลเติมน้ำ เจลเดย์ครีม หรือเจลกันแดด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์จริงเจลลดสิว? เจลบำรุง? หรือเจลกันแดด?
  3. ร่วมพัฒนาสูตรกับ R&D ของโรงงานที่เชี่ยวชาญ: ทำงานร่วมกับนักวิจัยสูตร (R&D) ของโรงงาน เพื่อเลือกสารสกัดที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย โดยคุณสามารถเสนอแนวทางหรือปัญหาที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์แก้ไขได้
  4. ออกแบบแพ็คเกจให้ดูบางเบา ทันสมัย สื่อความเย็นสบาย: การออกแบบต้องสะท้อนคาแรคเตอร์แบรนด์ เช่น ถ้าเน้นความมินิมอล อาจใช้โทนสีขาวใส / ฟ้าอ่อน ถ้าเน้น Clean Beauty อาจเลือกบรรจุภัณฑ์โปร่งแสงหรือใช้วัสดุรีไซเคิลให้ดูบางเบา ทันสมัย สื่อความเย็นสบาย**
  5. ทดสอบสูตรและเก็บ Feedback จากกลุ่มเป้าหมายย่อย: แจก Tester ขนาดทดลองให้กลุ่มเป้าหมายลองใช้ และสอบถามความรู้สึก เช่น ความบางเบา กลิ่น การซึม ความชุ่มชื้น เพื่อปรับสูตรให้ตรงใจที่สุดก่อนผลิตจริงและเก็บ Feedback จากกลุ่มเป้าหมายย่อย
  6. เริ่มผลิตล็อตแรก และวางแผนการตลาดให้เจาะจง: เริ่มจากจำนวนขั้นต่ำที่เหมาะสม และวางแผนการเปิดตัวบนช่องทางที่ลูกค้าคุณอยู่ เช่น Tiktok Skincare สำหรับวัยรุ่น หรือบทความรีวิวในเว็บไซต์สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ และวางแผนการตลาดให้เจาะจง เช่น Tiktok Skincare, รีวิวหน้าเพจ, Shopee/Lazada Launching

💭 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

⁉️ Q: สกินแคร์เนื้อเจลเหมาะกับผิวแบบไหน?

A: สกินแคร์เนื้อเจลเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม เพราะมีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ และช่วยเติมความชุ่มชื้นได้โดยไม่อุดตันรูขุมขน

⁉️ Q: ใช้สกินแคร์เนื้อเจลตอนกลางคืนได้ไหม?

A: ได้แน่นอน! สกินแคร์เนื้อเจลสามารถใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะในอากาศร้อนหรือช่วงที่ผิวระคายเคืองง่าย เหมาะกับการปลอบประโลมผิวก่อนนอน

⁉️ Q: สกินแคร์เนื้อเจลให้ความชุ่มชื้นพอไหม เทียบกับครีม?

A: แม้เนื้อเจลจะบางเบากว่า แต่ก็สามารถให้ความชุ่มชื้นได้ดี โดยเฉพาะสูตรที่มีไฮยาลูรอนิค แอซิด, ว่านหางจระเข้ หรือกลีเซอรีน แต่สำหรับผิวแห้งมาก อาจต้องเสริมด้วยมอยส์เจอร์เนื้อครีมอีกชั้น

⁉️ Q: ใช้สกินแคร์เนื้อเจลร่วมกับครีมบำรุงอื่นได้หรือไม่?

A: ได้แน่นอน! สามารถใช้เจลก่อนเพื่อเติมน้ำให้ผิว จากนั้นตามด้วยครีมหรือออยล์ล็อกความชุ่มชื้น วิธีนี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานยิ่งขึ้น

⁉️ Q: สกินแคร์เนื้อเจลทำให้เกิดสิวหรือไม่?

A: โดยทั่วไปสกินแคร์เนื้อเจลไม่ทำให้เกิดสิว เพราะมีน้ำเป็นเบส ซึมง่าย ไม่อุดตัน อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือซิลิโคน หากเป็นคนผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิว


🧴 สรุป: เจลไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือเทรนด์ของผิวมันในยุคนี้

เจลไม่ใช่แค่เนื้อสัมผัสอีกต่อไป แต่กลายเป็นหมวดผลิตภัณฑ์ที่คนผิวมันให้ความไว้วางใจ ด้วยคุณสมบัติที่เบาสบาย ซึมไว ไม่อุดตัน และตอบโจทย์อากาศร้อนของเมืองไทย เจลจึงกลายเป็น “พื้นฐาน” ใหม่ของการบำรุงผิวในชีวิตประจำวัน

สำหรับเจ้าของแบรนด์หรือผู้ประกอบการ หากคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดความงามอย่างการพัฒนาสกินแคร์เจลเฉพาะกลุ่ม เช่น เจลเดย์ครีมสำหรับผิวมัน หรือเจลลดสิวแบบบางเบา ที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณแตกต่าง มีคุณค่า และตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นได้ง่ายๆ กับ iBio เรามีบริการรับผลิตเจลแบบครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยสูตรที่แตกต่างและตอบโจทย์ ไปจนถึงการออกแบบแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ และจดทะเบียน อย. อย่างถูกต้อง ได้มาตรฐานโรงงาน GMP พร้อมทีม R&D ผู้เชี่ยวชาญ โทรเลย 027138989