ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพผิวพรรณควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เทรนด์ “คลีนบิวตี้” จึงกลายเป็นหนึ่งในแนวโน้มความงามที่มาแรงที่สุดแห่งปี 2025 ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการใช้ส่วนผสมปลอดภัย ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และไม่ทดลองกับสัตว์ ทำให้ผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้กลายเป็นทางเลือกหลักของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลตัวเองอย่างยั่งยืน ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับความหมายของคลีนบิวตี้ พร้อมแนะนำแบรนด์ไทยที่โดดเด่นในสายนี้ รวมถึงแนวทางในการเริ่มต้นสร้างแบรนด์คลีนบิวตี้ของคุณเองอย่างถูกต้อง
🌼 คลีนบิวตี้คืออะไร?
“คลีนบิวตี้” (Clean Beauty) คือแนวคิดในการพัฒนาและใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น พาราเบน ซัลเฟต และสารกันเสียที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ คลีนบิวตี้ยังมุ่งเน้นการไม่ทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์ (Cruelty-Free) และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
ในโลกยุคใหม่ที่ผู้คนใส่ใจเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คลีนบิวตี้จึงกลายเป็นมากกว่าคำจำกัดความของความงาม แต่ยังรวมถึงการมีจิตสำนึกในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อร่างกาย และไม่ทำลายโลกใบนี้อีกด้วย
🌼 ทำไมเครื่องสำอางคลีนบิวตี้ถึงได้รับความนิยม?
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดความงามได้เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ผู้บริโภคเริ่มหันมามองหาสินค้าที่ไม่เพียงแค่ให้ผลลัพธ์ด้านความสวยงาม แต่ยังต้องปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่มีสารตกค้าง และยังสอดคล้องกับจริยธรรมด้านสิ่งแวดล้อมและสัตว์โลก
การที่คลีนบิวตี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น มาจากเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้:
- ความตระหนักในสุขภาพผิว : ผู้คนหันมาใส่ใจในสิ่งที่สัมผัสผิวพอ ๆ กับสิ่งที่รับประทานเข้าไป
- เทรนด์ Vegan และ Cruelty-Free : การไม่ทดลองกับสัตว์กลายเป็นคุณค่าที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
- บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน : แบรนด์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือบรรจุภัณฑ์แบบรีฟิลได้รับความนิยมมากขึ้น
- อิทธิพลจาก Social Media : การรีวิวผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้จากอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
- กฎหมายและมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม : หลายประเทศในยุโรปและเอเชียเริ่มออกข้อบังคับควบคุมการใช้สารเคมีอันตรายในเครื่องสำอาง ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและโปร่งใสมากขึ้น
- การเปลี่ยนพฤติกรรมหลังวิกฤต COVID-19 : ผู้คนมองหาสิ่งที่ปลอดภัยและมีจริยธรรมในการผลิตมากขึ้นหลังจากประสบวิกฤตระดับโลก ทำให้แบรนด์คลีนบิวตี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ไทย : แบรนด์คลีนบิวตี้ไทยหลายแบรนด์เน้นใช้วัตถุดิบในประเทศ สร้างรายได้ให้กับชุมชนและเกษตรกรท้องถิ่น ซึ่งตรงกับแนวคิด “ความยั่งยืนแบบครบวงจร”
🌼 จะเป็น “เครื่องสำอางคลีนบิวตี้” ได้อย่างไร?
การพัฒนาเครื่องสำอางให้กลายเป็นคลีนบิวตี้นั้น ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนผสม แต่ครอบคลุมถึงกระบวนการผลิตและแนวคิดของแบรนด์โดยรวม ดังนี้:
- คัดเลือกส่วนผสมปลอดภัยและโปร่งใส
- หลีกเลี่ยงสารอันตราย เช่น พาราเบน, ซัลเฟต, น้ำหอมสังเคราะห์, แอลกอฮอล์ที่ระคายเคือง
- ใช้สารสกัดจากธรรมชาติและออร์แกนิกที่มีผลการวิจัยรองรับ
- ไม่ทดลองกับสัตว์ (Cruelty-Free)
- ต้องไม่ใช้สัตว์ในการทดสอบผลิตภัณฑ์หรือส่วนผสมใด ๆ
- สามารถขอรับรองจากองค์กรต่าง ๆ เช่น Leaping Bunny, PETA ได้
- ใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน (Sustainable Packaging)
- ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ เช่น ขวดแก้ว, กระดาษรีไซเคิล
- สนับสนุนระบบ Refill หรือการลดปริมาณพลาสติก
- มีการสื่อสารที่โปร่งใสและซื่อสัตย์กับผู้บริโภค
- แสดงข้อมูลส่วนผสม, วิธีใช้, วันที่ผลิต และวันหมดอายุอย่างชัดเจน
- ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสารเคมี และแนะนำทางเลือกที่ดีกว่า
- ได้รับการรับรองมาตรฐาน (ถ้ามี)
- เช่น COSMOS, Ecocert, USDA Organic เป็นต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์
🌼 6 แบรนด์เครื่องสำอางคลีนบิวตี้ของไทยที่น่าสนใจ
1. OLABO

OLABO เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของไทยที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ได้รับมาตราฐานการผลิต GMP ปลอดสารปนเปื้อน เเละโลหะหนักทุกชนิด มีเลขที่ใบจดแจ้งและไม่ใช้สัตว์ในการทดสอบผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์เด่น: OLABO Serum, OLABO Shampoo
2. Kindness

Kindness เป็นแบรนด์สกินแคร์ของไทยที่ที่สร้างขึ้นด้วยแนวคิด “ความเมตตา” ไม่เพียงแต่กับผิวของผู้ใช้ แต่รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย โดยทางแบรนด์มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ของ Kindness ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังจากสถาบัน Dermscan Asia เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย โดยไม่มีการทดลองกับสัตว์ นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีแนวคิด “Kind to skin, Kind to environment, Kind to people” โดยส่วนหนึ่งของรายได้จะนำไปช่วยเหลือผู้ขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด
ผลิตภัณฑ์เด่น: Kindness Babyface Cleansing Oil, Kindness Happy Glow Moisturizer
3. Everpink

Everpink เป็นแบรนด์ที่เกิดจากแนวคิดในการนำความงามแบบธรรมชาติมาผสมผสานกับวิถีชีวิตแบบไทย แบรนด์ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ปลูกในประเทศไทย โดยเน้นสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ของ Everpink ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และสามารถใช้ได้แม้กับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ แพ็กเกจยังเน้นการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์เด่น: Everpink Natural Cream Blush, Everpink Velvet Powder
4. Panpuri

Panpuri เป็นแบรนด์สกินแคร์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ผลิตภัณฑ์ของ Panpuri เน้นการจะใช้ส่วนผสมออร์แกนิกคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองระดับโลก เช่น Ecocert, Cosmos และปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ แบรนด์ยังให้ความสำคัญกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการไม่ทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์
ผลิตภัณฑ์เด่น: Panpuri Organic Lotus Defense Serum, Panpuri ArunaYouth Complex
5. JUX.Skincare

JUX.Skincare เป็นแบรนด์คลีนบิวตี้ของไทยที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดดเด่นด้วยการเลือกส่วนผสมที่เป็น Vegan 100% โดยผลิตภัณฑ์ของ JUX.Skincare ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายมากกว่า 2,000 ชนิด และเน้นการใช้ส่วนผสมที่เป็น Vegan & Cruelty-Free นอกจากนี้ แบรนด์ยังให้ความสำคัญกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ และเน้นการรักษาสมดุลของค่า pH ในผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวของมนุษย์
ผลิตภัณฑ์เด่น: JUX Gentle Cleanser, JUX Hydration Boost Serum
6. HER HYNESS

HER HYNESS เป็นแบรนด์คลีนบิวตี้ของไทยที่ที่ครองใจผู้บริโภคสายสกินแคร์และเมคอัพอย่างรวดเร็ว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน และใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตให้ปลอดภัยต่อผิว ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และซิลิโคน โดยเน้นผลลัพธ์การฟื้นฟูผิวและปรับสมดุลในระยะยาว
ผลิตภัณฑ์เด่น: HER HYNESS Glow Serum, HER HYNESS Foundation Serum SPF50
💭 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
⁉️ Q: ผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปอย่างไร?
A: ผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้จะไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น พาราเบน, ซัลเฟต, ซิลิโคน, แอลกอฮอล์แรง, น้ำหอมสังเคราะห์ ฯลฯ และมักเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติหรือสารสกัดที่ผ่านการวิจัยว่าปลอดภัยต่อผิว
⁉️ Q: ใครบ้างที่ควรใช้ผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้?
A: เหมาะสำหรับ ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย, ผิวเป็นสิว, หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมีสะสมในระยะยาว รวมถึงคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้หลายแบรนด์จะใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลหรือไม่ทดลองในสัตว์ (Cruelty-Free)
⁉️ Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์เป็นคลีนบิวตี้ของแท้?
A: ให้ดูจาก ฉลากส่วนผสม (INGREDIENTS) ที่ชัดเจนและโปร่งใส หลีกเลี่ยงแบรนด์ที่โฆษณาคำว่า “ธรรมชาติ” หรือ “ออร์แกนิก” โดยไม่มีข้อมูลอ้างอิง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองจากหน่วยงาน เช่น EWG Verified, Ecocert, COSMOS หรือมีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญ
⁉️ Q: แบรนด์ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดคลีนบิวตี้ควรเริ่มต้นอย่างไร?
A: ควรเริ่มจากการวางจุดยืนให้ชัดเจน เช่น “ปลอดภัยกับผิวและโลก” จากนั้นพัฒนาสูตรที่ปราศจากสารต้องห้าม เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลได้ และเน้นการสื่อสารที่โปร่งใสกับผู้บริโภค พร้อมขอการรับรองที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
⁉️ Q: คลีนบิวตี้จำเป็นต้องเป็นวีแกน (Vegan) หรือไม่?
A: ไม่จำเป็น เพราะคลีนบิวตี้เน้นเรื่อง ความปลอดภัยของส่วนผสมและความโปร่งใส ว่าส่วนผสมนั้นไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือสุขภาพ ส่วน วีแกน คือการไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ เช่น น้ำผึ้ง หรือคอลลาเจนจากปลา ทั้งสองแนวทางสามารถไปด้วยกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้ทุกชิ้นจะต้องเป็นวีแกนเสมอไป
🌼สรุป : คลีนบิ้วตี้ ≠ แค่เทรนด์
คลีนบิวตี้ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในวงการความงาม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและโลกใบนี้ แบรนด์เครื่องสำอางของไทยหลายแบรนด์ได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
หากคุณสนใจอยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอางแบบคลีนบิวตี้ที่ใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยทั้งกับผู้ใช้และปลอดภัยกับโลก และมองหาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มากด้วยประสบการณ์และความพร้อมในกำลังการผลิต อีกทั้งทีมงานที่มีความชำนาญในการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกระบวนการออกแบบและการบริการที่ครบวงจร โดยมีการทดสอบเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิภาพและความคงตัวของสูตรโดยไม่ใช้สัตว์ในการทดลอง สามารถมาปรึกษากับเราได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เราพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอนของการผลิตและสร้างแบรนด์ คลิกดูรายละเอียดบริษัท iBio ได้ที่นี่
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก : ฐานเศรษฐกิจ, สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์