Loading...

โรงงานรับผลิตอาหารเสริมแบบ OEM มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

โรงงานรับผลิตอาหารเสริมแบบ OEM: ก้าวสำคัญสู่การสร้างแบรนด์ของตัวเอง

ในโลกธุรกิจอาหารเสริมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การสร้างแบรนด์ของตัวเองไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันอีกต่อไป แต่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าในระยะยาว สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่หรือธุรกิจที่ต้องการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ การทำความเข้าใจโมเดลการผลิตแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) หรือการรับจ้างผลิตสินค้าตามสูตรของลูกค้า จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โรงงานผลิตอาหารเสริมแบบ OEM มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแนวคิดและนวัตกรรมของคุณให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์จริงที่จับต้องได้ ซึ่งการตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ย่อมมาพร้อมกับทั้งข้อดีที่น่าสนใจและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของการผลิตอาหารเสริมแบบ OEM ทั้งข้อดี ข้อเสีย เปรียบเทียบกับโมเดลอื่น ๆ และนำเสนอแนวทางในการใช้ประโยชน์จากบริการ OEM เพื่อสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ


โรงงานผลิตอาหารเสริมแบบ OEM คืออะไร?

OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacturer หมายถึง การที่โรงงานผู้ผลิตดำเนินการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ตามแบบ, สูตร, หรือข้อกำหนดที่ลูกค้า (เจ้าของแบรนด์) เป็นผู้กำหนดทุกประการ ในบริบทของอุตสาหกรรมอาหารเสริม โรงงาน OEM จะทำหน้าที่ผลิตอาหารเสริมตามสูตรเฉพาะที่เจ้าของแบรนด์คิดค้นขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดส่วนผสม สารสกัด ปริมาณ รูปแบบผลิตภัณฑ์ (แคปซูล, ผงชง, เจลลี่) บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการออกแบบฉลากสินค้า ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมและตัดสินใจของเจ้าของแบรนด์อย่างเต็มที่

กระบวนการผลิตอาหารเสริมแบบ OEM เริ่มต้นจากการที่เจ้าของแบรนด์นำเสนอแนวคิดหรือสูตรผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ จากนั้นโรงงาน OEM จะใช้ความเชี่ยวชาญด้าน R&D (Research & Development) หรือการวิจัยและพัฒนา เพื่อช่วยปรับปรุงสูตรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด และสามารถผลิตได้จริงในเชิงพาณิชย์ หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการผลิต การบรรจุ และการขออนุญาต อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ซึ่งโรงงาน OEM มักจะให้บริการแบบครบวงจร เพื่อให้เจ้าของแบรนด์สามารถนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องตามกฎหมาย การผลิตแบบ OEM จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร และต้องการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นของตนเองอย่างแท้จริง


ข้อดีของการเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมแบบ OEM

การตัดสินใจผลิตอาหารเสริมแบบ OEM มอบโอกาสและข้อได้เปรียบมากมายที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างความแตกต่างและเติบโตในตลาดได้อย่างยั่งยืน

1. การปรับแต่งสูตรได้อย่างเต็มที่ (Full Customization of Formulas)

นี่คือหัวใจสำคัญของการผลิตแบบ OEM เจ้าของแบรนด์มีอิสระอย่างเต็มที่ในการคิดค้นและกำหนดสูตรอาหารเสริมตามความต้องการเฉพาะของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้สารสกัดพรีเมียม, การผสมผสานส่วนผสมที่แตกต่างเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ, หรือการปรับปริมาณสารออกฤทธิ์ให้เหมาะสมกับผลลัพธ์ที่ต้องการ การปรับแต่งสูตรช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีความโดดเด่น ไม่ซ้ำใคร และตอบโจทย์ปัญหาของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์

2. สร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร (Unique Product Differentiation)

ในตลาดอาหารเสริมที่มีการแข่งขันสูง การมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างเป็นสิ่งจำเป็น การผลิตแบบ OEM ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเป็น ”me-too product” หรือสินค้าที่เลียนแบบผู้อื่นได้ คุณสามารถสร้างสรรค์จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครได้ตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติพิเศษ รสชาติเฉพาะตัว หรือนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่มีในตลาด การมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นจะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำและง่ายต่อการสื่อสารการตลาด

3. เสริมสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง (Stronger Brand Identity)

เมื่อคุณมีผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรเฉพาะตัวและแตกต่างจากคู่แข่ง ผลิตภัณฑ์นั้นจะสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และคุณค่าของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน การผลิตแบบ OEM ช่วยให้คุณควบคุมได้ทุกรายละเอียด ตั้งแต่ส่วนผสมไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวแบรนด์ (Brand Story) และสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แบรนด์ที่แข็งแกร่งจะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือและการเติบโตในระยะยาว

4. ความยืดหยุ่นในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการวางตำแหน่งทางการตลาด (Greater Flexibility in Packaging and Positioning)

นอกจากสูตรผลิตภัณฑ์แล้ว การผลิตแบบ OEM ยังมอบความยืดหยุ่นอย่างเต็มที่ในการเลือกและออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง สีสัน วัสดุ หรือขนาด เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของคุณ การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและใช้งานง่ายสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ คุณยังมีความยืดหยุ่นในการกำหนดกลยุทธ์การวางตำแหน่งทางการตลาด (Product Positioning) จะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าพรีเมียม เน้นราคาเข้าถึงง่าย หรือเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม ก็สามารถทำได้ตามความเหมาะสม

5. เข้าถึงเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญจากโรงงาน

โรงงาน OEM ที่มีมาตรฐานมักจะมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาที่ครบครัน รวมถึงทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์อาหาร โภชนาการ และการขึ้นทะเบียน อย. การเลือกใช้บริการ OEM ทำให้คุณสามารถเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงานหรือจ้างทีมงานเอง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์

6. ลดความเสี่ยงในการลงทุนด้านการผลิต

การสร้างโรงงานผลิตอาหารเสริมเป็นของตัวเองต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ทั้งค่าที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ และบุคลากร การเลือกใช้บริการ OEM ช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระเหล่านี้ คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่า และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรได้มาก


ข้อเสียและความท้าทายของการผลิตอาหารเสริมแบบ OEM

แม้ว่าการผลิตแบบ OEM จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียและความท้าทายที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ

1. การลงทุนเริ่มต้นที่อาจสูงกว่า (Higher Initial Investment)

เมื่อเทียบกับการซื้อสินค้าสำเร็จรูปมาติดแบรนด์ (White Label) หรือการผลิตแบบ ODM (Original Design Manufacturer) การผลิตแบบ OEM มักมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงกว่า เนื่องจากต้องมีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาสูตรใหม่ (R&D Cost), ค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัตถุดิบเฉพาะ, และปริมาณการสั่งผลิตขั้นต่ำ (Minimum Order Quantity หรือ MOQ) ที่สูงกว่า เพื่อให้คุ้มค่ากับการตั้งไลน์การผลิต การลงทุนเริ่มต้นนี้อาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการที่มีงบประมาณจำกัด

2. ระยะเวลาในการพัฒนาที่ยาวนานกว่า (Longer Development Time)

การสร้างสรรค์สูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการผลิตจริงต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ตั้งแต่การวิจัย การพัฒนา การทดลองสูตร การปรับปรุง การขออนุญาตจาก อย. ไปจนถึงการผลิตจริง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสูตรและขั้นตอนการอนุมัติ ทำให้ผู้ประกอบการต้องวางแผนธุรกิจล่วงหน้าและมีความอดทนรอคอย

3. ความจำเป็นในการมีแนวคิดผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและการวิจัยตลาดที่แม่นยำ (Need for Clearer Product Concepts and Market Research)

เนื่องจากคุณเป็นผู้กำหนดสูตรและทิศทางของผลิตภัณฑ์เอง ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีแนวคิดผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน มีความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมาย และทำการวิจัยตลาดมาเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นมาจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและสามารถแข่งขันในตลาดได้ หากไม่มีการวางแผนที่ดีพอ อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่ต้องการหรือล้มเหลวในตลาดได้

4. การพึ่งพิงโรงงานผู้ผลิต

คุณต้องพึ่งพาโรงงาน OEM ในเรื่องของคุณภาพการผลิต การส่งมอบ และการปฏิบัติตามมาตรฐานต่างๆ การเลือกโรงงาน OEM ที่มีชื่อเสียง มีมาตรฐาน และมีความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงด้านคุณภาพและการดำเนินงาน


OEM vs. ODM: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ?

นอกจาก OEM แล้ว อีกโมเดลการผลิตที่สำคัญคือ ODM (Original Design Manufacturer) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าโมเดลใดเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

ODM (Original Design Manufacturer) คือการที่โรงงานผู้ผลิตมีสูตรผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป หรือมีผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่พัฒนาไว้แล้ว ลูกค้าสามารถเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมาติดแบรนด์ของตัวเองได้ทันที หรืออาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น การเปลี่ยนสี กลิ่น หรือเพิ่มสารสกัดบางตัว แต่โครงสร้างหลักของสูตรยังคงเป็นของโรงงาน การผลิตแบบ ODM มีข้อดีคือรวดเร็ว ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า และใช้เวลาในการพัฒนาสั้นกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว หรือมีงบประมาณจำกัด แต่ข้อเสียคือผลิตภัณฑ์อาจไม่แตกต่างจากคู่แข่งมากนัก และไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่

คุณสมบัติOEM (Original Equipment Manufacturer)ODM (Original Design Manufacturer)
การควบคุมสูตรผลิตภัณฑ์เจ้าของแบรนด์กำหนดสูตรเองทั้งหมดโรงงานมีสูตรสำเร็จรูปให้เลือก อาจปรับเปลี่ยนเล็กน้อย
เอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์สูงมาก ผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำใครปานกลางถึงต่ำ อาจมีผลิตภัณฑ์คล้ายกันในตลาด
ระยะเวลาพัฒนายาวนานกว่า (R&D, ทดลอง, อย.)รวดเร็วกว่า (เลือกสูตรสำเร็จรูป, ติดแบรนด์)
การลงทุนเริ่มต้นสูงกว่า (ค่า R&D, MOQ)ต่ำกว่า (ไม่ต้องเสียค่า R&D, MOQ ต่ำกว่า)
การวิจัยตลาดเจ้าของแบรนด์ต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งโรงงานอาจมีข้อมูลเบื้องต้นให้
ความยืดหยุ่นสูงมาก (สูตร, บรรจุภัณฑ์, การตลาด)ปานกลาง (จำกัดตามสูตรและดีไซน์โรงงาน)
ความเหมาะสมผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์แข็งแกร่ง, ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม, งบประมาณพอสมควรผู้ที่ต้องการเข้าตลาดเร็ว, งบประมาณจำกัด, ทดลองตลาด

เมื่อไหร่ที่ OEM คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ?

การตัดสินใจเลือกเส้นทาง OEM ควรพิจารณาจากเป้าหมาย งบประมาณ และวิสัยทัศน์ของแบรนด์ หากคุณอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ OEM อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ:

  1. คุณมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร: หากคุณมีไอเดียที่ก้าวล้ำ ต้องการผสมผสานส่วนผสมใหม่ๆ หรือมุ่งเป้าไปที่ปัญหาของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม OEM จะช่วยให้คุณเปลี่ยนวิสัยทัศน์นั้นให้เป็นจริงได้
  2. ต้องการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและน่าจดจำในระยะยาว: การมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์จะช่วยให้แบรนด์ของคุณมีจุดยืนที่ชัดเจน และสร้างความภักดีจากลูกค้าได้ในระยะยาว
  3. ต้องการควบคุมคุณภาพและกระบวนการผลิตอย่างเต็มที่: การเลือกโรงงาน OEM ที่มีมาตรฐานจะช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
  4. มีงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการลงทุนเริ่มต้นและการวิจัยและพัฒนา: แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าในตอนแรก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงกว่าและมีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดได้ดีกว่า
  5. ต้องการความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน: ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม คุณจะสามารถสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงและมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในระยะยาว
  6. มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมและเป็นผู้นำตลาด: OEM เปิดโอกาสให้คุณเป็นผู้กำหนดเทรนด์และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการที่ยังไม่ถูกเติมเต็มในตลาด

iBio Co., Ltd.: พันธมิตรที่คุณวางใจในการสร้างแบรนด์อาหารเสริม OEM

สำหรับผู้ประกอบการที่เล็งเห็นถึงศักยภาพและต้องการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเองด้วยโมเดล OEM การเลือกพันธมิตรโรงงานที่เชี่ยวชาญและครบวงจรคือสิ่งสำคัญที่สุด iBio Co., Ltd. (บริษัท ไอไบโอ จำกัด) คือหนึ่งในผู้นำด้านการรับผลิตอาหารเสริมแบบ OEM ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญยาวนานในอุตสาหกรรม เราเข้าใจถึงความต้องการที่หลากหลายของผู้ประกอบการ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้แบรนด์ของคุณประสบความสำเร็จ

iBio ให้บริการแบบ One-Stop OEM Solutions ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด:

  • การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการสร้างสูตร (Formulation): ทีม R&D ของ iBio ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมที่มีความรู้ลึกซึ้ง เราพร้อมให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนาสูตรอาหารเสริมที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ โดยใช้สารสกัดและวัตถุดิบคุณภาพสูงจากทั่วโลก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
  • การผลิตที่ได้มาตรฐาน: โรงงานของ iBio ได้รับมาตรฐานระดับสากล เช่น GMP (Good Manufacturing Practice), HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) และ ISO ทำให้มั่นใจได้ในกระบวนการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพ
  • การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design): เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ดึงดูดใจ และสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ของคุณ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความน่าจดจำให้กับผลิตภัณฑ์
  • การสนับสนุนด้านกฎระเบียบและการขออนุญาต (Regulatory Support): การขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นขั้นตอนที่สำคัญและซับซ้อน iBio มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในการดำเนินการด้านเอกสารและประสานงานกับ อย. เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของคุณได้รับอนุญาตและสามารถจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • การให้คำปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์และการตลาด (Branding and Marketing Consultation): นอกจากเรื่องการผลิตแล้ว iBio ยังให้คำปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์และวางแผนการตลาด เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างการรับรู้ในตลาด

การเลือก iBio เป็นพันธมิตรในการผลิตอาหารเสริม OEM ของคุณหมายถึงการที่คุณได้ทำงานร่วมกับทีมงานมืออาชีพที่มีความมุ่งมั่นและเข้าใจในธุรกิจของคุณ เราเชื่อมั่นว่าด้วยบริการแบบครบวงจรและประสบการณ์ที่เรามี จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เป็นเอกลักษณ์ และประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ของตัวเองได้อย่างยั่งยืน


คำถามที่พบบ่อย

Q: การผลิตอาหารเสริมแบบ OEM เหมาะกับผู้ประกอบการแบบไหน?

A: การผลิตแบบ OEM เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร และต้องการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในระยะยาว รวมถึงผู้ที่มีงบประมาณพอสมควรสำหรับการลงทุนเริ่มต้นและระยะเวลาในการพัฒนา

Q: ระยะเวลาในการผลิตอาหารเสริม OEM ใช้เวลานานแค่ไหน?

A: ระยะเวลาในการผลิตอาหารเสริมแบบ OEM ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสูตร การวิจัยและพัฒนา การขออนุญาต อย. และปริมาณการผลิต โดยทั่วไปอาจใช้เวลาตั้งแต่ 3-6 เดือน หรือนานกว่านั้นสำหรับสูตรที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ


หากสนใจอยากเริ่มต้นธุรกิจสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง สามารถติดต่อสอบถามกับ iBio ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เราพร้อมดูแลคุณตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษาจนจบกระบวนการ โทรเลย 02-713-8989 หรือดูรายละเอียดบริการรับผลิตอาหารเสริมของ iBio ได้ที่ รับผลิตอาหารเสริม oem พร้อมสร้างแบรนด์ครบวงจร